วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2567

ใครคือท้าวผู้เป็นใหญ่แห่งพรหมบนชั้นสุทธาวาส5

 ท้าวอวิหาองค์ต่อไปบนสุทธาวาส5 ชั้นอวิหา ชั้นอตับปา ชั้นสุทัสสา ชั้นสุทัสสี ชั้นอกนิฏฐา

มีเล่ากันว่า พระอาจารย์วิปัสสนาท่านหนึ่ง เป็นพระเคร่งวินัย ได้สนทนากับพระรูปหนึ่งว่ามีแต่คนอิจฉาท่าน

ที่ภูมิธรรมดีเป็นต้น

เป็นผู้ได้ฌาน

อยู่ในเขตภาคอีสาน ช่วงนั้นรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งเป็นนายกบริหาร เป็นผู้มีนโยบายดีลงมาต่อพระเณร เรื่องตัดเน็ตแรงราคาแพงลงมาให้เป็นราคาถูกจำกัดเวลาใช้ เป็นที่ชื่นชมว่าดีจังนโยบายตัดเน็ตแรงมาให้เป็นราคาถูกจำกัดการใช้งานจากพระรูปนั้น

และท่านมีภูมิธรรมสูง จนถึงขั้นพรหมอนาคามีได้ฟังการเรียกหาพระอุบาลีแล้วมาสื่อสารกับท่านที่วัดหนองป่าพง

ประวัติและคุณธรรมท่านหาอ่านดูใน https://police191man.weebly.com



วิกิพีเดีย


วิกิพีเดีย

อริยบุคคล แปลว่า บุคคลผู้ประเสริฐ, ผู้ไกลจากข้าศึก, ผู้หักกำล้อสังสารวัฏได้แล้วแบ่งได้หลายประเภทคือแบ่งอย่างใหญ่ได้เป็น พระเสขะและพระอเสขะ แบ่งตามประเภทบุคคลมี 4 ประเภทคือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ และยังแบ่งย่อยเป็น 8 ประเภท จัดเป็น 4 คู่ได้อีก

อริยบุคคลแบ่งตามประเภทใหญ่

อริยบุคคลแบ่งตามประเภทบุคคล

อริยบุคคล แบ่งตามประเภทย่อย

อ้างอิง



วิกิพีเดีย

อนาคามี

อริยบุคคลขั้นที่ 3 ใน 4 ขั้นตอนของการตรัสรู้ในศาสนาพุทธ

อนาคามี แปลว่า ผู้ไม่มาเกิดอีก หมายความว่าจะไม่กลับมาเกิดในกามาวจรภูมิอีก แต่จะเกิดใน พรหมโลก อีกครั้งเดียวหรือหลายครั้งก็ได้ (เกิดในพรหมโลกหลายครั้ง เช่น อุทธังโสโต อกนิฏฐคามี) แล้วจะบรรลุอรหันต์แล้วนิพพานบนพรหมโลกนั้น

การละสังโยชน์

แก้

อนาคามี เป็นชื่อเรียกพระอริยบุคคลขั้นที่ 3 จากทั้งหมด 4 ขั้น ได้แก่ โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ พระอนาคามีเป็นผู้ละสังโยชน์เบื้องต่ำ (โอรัมภาคิยสังโยชน์) ทั้ง 5 ประการได้แล้ว ยังเหลือสังโยชน์เบื้องสูง (อุทธัมภาคิยสังโยชน์) อีก 5 ประการ คือ

  1. รูปราคะ หมายถึง ความพอใจในรูปฌาน หรือ รูปธรรมอันประณีต หรือ ความพอใจในรูปภพ
  2. อรูปราคะ หมายถึง ความพอใจในอรูปฌาน หรือ พอใจในอรูปธรรม เช่น ความรู้ เป็นต้น หรือ ความพอใจในอรูปภพ
  3. มานะ หมายถึง ความสำคัญตนว่าเป็นนั่นเป็นนี่ เช่น เป็นพระอนาคามี (แม้ว่าจะเป็นจริง ๆ) เป็นต้น
  4. อุทธัจจะ คือ ความฟุ้งของจิต
  5. อวิชชา คือ ความไม่รู้แจ้ง

อนึ่งพึงเข้าใจว่า แม้สังโยชน์เบื้องสูงบางข้อจะมีชื่อเหมือนกิเลสอย่างหยาบที่ยังมีในปถุชน (ผู้ยังไม่เป็นบรรลุเป็นพระอริยบุคคล) เช่น มานะ อุทธัจจะ หรือ อวิชชา แต่สังโยชน์เบื้องสูงอันเป็นกิเลสที่ยังหลงเหลืออยู่ในจิตใจของพระอนาคามีนั้น เป็นกิเลสที่ละเอียดกว่าของปถุชนอย่างมาก

ประเภท

แก้

พระอนาคามี มีอยู่ 5 ประเภท ได้แก่

  • 1. อันตราปรินิพพายี ผู้ปรินิพพานในระหว่าง คือ เกิดในสุทธาวาสภพใดภพหนึ่งแล้ว อายุยังไม่ถึงกึ่ง ก็ปรินิพพานโดยกิเลสปรินิพพาน
  • 2. อุปหัจจปรินิพพายี ผู้จวนจะถึงจึงปรินิพพาน คือ อายุพ้นกึ่งแล้ว จวนจะถึงสิ้นอายุจึงปรินิพพาน
  • 3. อสังขารปรินิพพายี ผู้ปรินิพพานโดยไม่ต้องใช้แรงชักจูง คือ ปรินิพพานโดยง่าย ไม่ต้องใช้ความเพียรนัก
  • 4. สสังขารปรินิพพายี ผู้ปรินิพพานโดยใช้แรงชักจูง คือ ปรินิพพานโดยต้องใช้ความเพียรมาก
  • 5. อุทธังโสโต อกนิฏฐคามี ผู้มีกระแสในเบื้องบนไปสู่อกนิฏฐภพ คือ เกิดในสุทธาวาสภพใดภพหนึ่งแล้วก็ตาม จะเกิดเลื่อนต่อขึ้นไปจนถึงอกนิฏฐภพแล้วจึงปรินิพพาน

อ้างอิง

แก้

ค้นหา

พรหมโลก

ภาษาอื่น

ดาวน์โหลดเป็น PDF

เฝ้าดู

แก้ไข

พรหมภูมิ หรือ พรหมโลก ถือเป็นดินแดนของพระพรหม ซึ่งเป็นภพภูมิที่สถิตย์อยู่เสวยสุขของพระพรหมผู้อุบัติเกิดในพรหมวิมาน ณ พรหมโลก อันเป็นแดนซึ่งมีแต่ความสุขอันเกิดจากฌานเท่านั้น (แบ่งชั้นตามอำนาจฌานที่ได้บรรลุ) ในภพภูมินี้ตามคัมภีร์กล่าวว่าปราศจากความสุขที่เนื่องด้วยกามราคะ



อรูปพรหม (ฉบับกรุงศรี)

พรหมภูมิอาจแบ่งออกเป็น 2 พวก ได้แก่ รูปพรหม และ อรูปพรหม


รูปพรหม

รูปพรหม หรือ รูปาวจรภูมิ คือ ชั้นที่พระพรหมผู้วิเศษมีรูป หากแต่เป็นรูปทิพย์ มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถ มองเห็นได้ จักเห็นได้ก็โดยทิพยวิสัยเท่านั้น ประกอบด้วยวิมาน 16 ชั้น


ชั้นที่ 1 - ชั้นที่ 3 รวมเรียกว่า ปฐมฌานภูมิ ด้วยพระพรหมในชั้นนี้บรรลุด้วยปฐมฌาน ทั้งสามชั้นนี้ ความจริงตั้งอยู่ ณ พื้นที่ระดับเดียวกัน แต่แยกสถานที่เป็น 3 เขต

ชั้นที่ 4 - ชั้นที่ 6 รวมเรียกว่า ทุติยฌานภูมิ ด้วยเหล่าพระพรหมในชั้นนี้บรรลุด้วยทุติยฌาน ทั้งสามชั้นนี้ ความจริงตั้งอยู่ ณ พื้นที่ระดับเดียวกัน แต่แยกสถานที่เป็น 3 เขต

ชั้นที่ 7 - ชั้นที่ 9 รวมเรียกว่า ตติยฌานภูมิ ด้วยเหล่าพระพรหมในชั้นนี้บรรลุด้วยตติยฌาน ทั้งสามชั้นนี้ ความจริงตั้งอยู่ ณ พื้นที่ระดับเดียวกัน แต่แยกสถานที่เป็น 3 เขต

ตั้งแต่ชั้นที่ 10 ขึ้นไป รวมเรียกว่า จตุตถฌานภูมิ ด้วยเหล่าพระพรหมในชั้นนี้บรรลุด้วยจตุตถฌาน ชั้นที่ 10-11 ตั้งอยู่ ณ พื้นที่ระดับเดียวกัน แต่แยกสถานที่กันอยู่ และมีระยะห่างไกลกันมาก

หากแต่เฉพาะเหล่าพระพรหมในชั้นที่ 12 – 16 เรียกว่า ปัญจสุทธาวาส หรือ สุทธาวาสภูมิ อันเป็นชั้นที่เหล่าพระพรหมในชั้นนี้ ต้องเป็นพระพรหมอริยบุคคลในพุทธศาสนา ระดับอนาคามีอริยบุคคล เท่านั้น ต่างจาก 11 ชั้นแรก แม้พระพรหมทั้งหลายจะได้สำเร็จฌานวิเศษเพียงใด ก็อุบัติในสุทธาวาสภูมิไม่ได้อย่างเด็ดขาด สุทธาวาสภูมินี้มีอยู่ 5 ชั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางอากาศ และตั้งอยู่เป็นชั้นๆ ขึ้นไป ตามลำดับภูมิไม่ตั้งในระดับเดียวกันเช่นชั้นแรกๆที่ผ่านมา

อรูปพรหม

อรูปพรหม หรือ อรูปาวจรภูมิ สมัยที่โลกยังว่างจากพระพุทธศาสนา บรรดาโยคี ฤๅษี ชีไพรดาบส ที่บำเพ็ญตบะเดชะภาวนา รำพึงว่าอันว่าตัวตน กล่าวคืออัตภาพร่างกายนี้ไม่ดีเป็นนักหนา กอปรไปด้วย ทุกข์โทษหาประมาณมิได้ ควรที่ตูจะปรารถนากระทำตัว ให้หายไปเสียเถิด แล้วก็เกิดความพอใจเป็นนักหนา ในภาวะที่ไม่มีตัวตนไม่มีรูปกาย ปรารถนาอยู่แต่ในความไม่มีรูป


อรูปภูมิมี 4 ชั้น คือ อากาสานัญจายตนภูมิ วิญญาณัญจายตนภูมิ อากิญจัญญายตนภูมิ และ เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ พรหมในชั้นนี้ไม่มีรูปร่าง มีแต่จิตเจตสิก เพราะเห็นว่าหากมีร่างกายอยู่นั้นจะมีแต่โทษ อาจจะไปทำร้ายซึ่งกันและกันได้ จึงบริกรรมด้วยความว่างเปล่า ยึดเอาอากาศซึ่งเป็นความว่างเปล่าเป็นอารมณ์ จนได้ฌานที่มีอากาศเป็นอารมณ์เรียกว่า อากาสานัญจายตนภูมิ ซึ่งมีอายุอยู่ได้สองหมื่นกัปป์ จากนั้นก็อาจภาวนาเพื่อจะได้ไปอยู่ในพรหมโลกขั้นสูงต่อไปอีกได้ อายุของพรหมเหล่านี้จะยืนอยู่ได้สี่หมื่น หกหมื่น และแปดหมื่นสี่พันกัปป์ ตามลำดับ

อ้างอิง

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้ไขล่าสุดเมื่อ 6 เดือนก่อน โดย คลิปรีล

วิกิพีเดีย

เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น

นโยบายความเป็นส่วนตัว ข้อกำหนดการใช้งานคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ


อนาคามี แปลว่า ผู้ไม่มาเกิดอีก หมายความว่าจะไม่กลับมาเกิดในกามาวจรภูมิอีก แต่จะเกิดใน พรหมโลก อีกครั้งเดียวหรือหลายครั้งก็ได้ (เกิดในพรหมโลกหลายครั้ง เช่น อุทธังโสโต อกนิฏฐคามี) แล้วจะบรรลุอรหันต์แล้วนิพพานบนพรหมโลกนั้น


การละสังโยชน์

อนาคามี เป็นชื่อเรียกพระอริยบุคคลขั้นที่ 3 จากทั้งหมด 4 ขั้น ได้แก่ โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ พระอนาคามีเป็นผู้ละสังโยชน์เบื้องต่ำ (โอรัมภาคิยสังโยชน์) ทั้ง 5 ประการได้แล้ว ยังเหลือสังโยชน์เบื้องสูง (อุทธัมภาคิยสังโยชน์) อีก 5 ประการ คือ


รูปราคะ หมายถึง ความพอใจในรูปฌาน หรือ รูปธรรมอันประณีต หรือ ความพอใจในรูปภพ

อรูปราคะ หมายถึง ความพอใจในอรูปฌาน หรือ พอใจในอรูปธรรม เช่น ความรู้ เป็นต้น หรือ ความพอใจในอรูปภพ

มานะ หมายถึง ความสำคัญตนว่าเป็นนั่นเป็นนี่ เช่น เป็นพระอนาคามี (แม้ว่าจะเป็นจริง ๆ) เป็นต้น

อุทธัจจะ คือ ความฟุ้งของจิต

อวิชชา คือ ความไม่รู้แจ้ง

อนึ่งพึงเข้าใจว่า แม้สังโยชน์เบื้องสูงบางข้อจะมีชื่อเหมือนกิเลสอย่างหยาบที่ยังมีในปถุชน (ผู้ยังไม่เป็นบรรลุเป็นพระอริยบุคคล) เช่น มานะ อุทธัจจะ หรือ อวิชชา แต่สังโยชน์เบื้องสูงอันเป็นกิเลสที่ยังหลงเหลืออยู่ในจิตใจของพระอนาคามีนั้น เป็นกิเลสที่ละเอียดกว่าของปถุชนอย่างมาก

ประเภท

พระอนาคามี มีอยู่ 5 ประเภท ได้แก่


1. อันตราปรินิพพายี ผู้ปรินิพพานในระหว่าง คือ เกิดในสุทธาวาสภพใดภพหนึ่งแล้ว อายุยังไม่ถึงกึ่ง ก็ปรินิพพานโดยกิเลสปรินิพพาน

2. อุปหัจจปรินิพพายี ผู้จวนจะถึงจึงปรินิพพาน คือ อายุพ้นกึ่งแล้ว จวนจะถึงสิ้นอายุจึงปรินิพพาน

3. อสังขารปรินิพพายี ผู้ปรินิพพานโดยไม่ต้องใช้แรงชักจูง คือ ปรินิพพานโดยง่าย ไม่ต้องใช้ความเพียรนัก

4. สสังขารปรินิพพายี ผู้ปรินิพพานโดยใช้แรงชักจูง คือ ปรินิพพานโดยต้องใช้ความเพียรมาก

5. อุทธังโสโต อกนิฏฐคามี ผู้มีกระแสในเบื้องบนไปสู่อกนิฏฐภพ คือ เกิดในสุทธาวาสภพใดภพหนึ่งแล้วก็ตาม จะเกิดเลื่อนต่อขึ้นไปจนถึงอกนิฏฐภพแล้วจึงปรินิพพาน

อ้างอิง

พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548


สกทาคามี

ภาษาอื่น

ดาวน์โหลดเป็น PDF

เฝ้าดู

แก้ไข

สกทาคามี (บาลี: Sakadāgāmī; สันสกฤต: Sakṛdāgāmin) หรือ สกิทาคามี แปลว่า ผู้จะมาสู่ (เทวะ) โลกนี้เพียงอีกครั้งเดียว[1] เป็นชื่อเรียกพระอริยบุคคลลำดับที่ 2 ใน 4 ประเภท


คัมภีร์สุมังคลวิลาสินีอธิบายว่าคำว่า "โลกนี้" หมายถึงกามาวจรโลก กล่าวคือ ผู้บรรลุสกทาคามีในมนุษยโลกแล้วไปเกิดในเทวโลก สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ในเทวโลกนั้นได้ หากไม่ได้อรหัตตผล จะมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วบรรลุอรหัตตผลอย่างแน่นอน ฝ่ายผู้บรรลุสกทาคามีในเทวโลกแล้วมาเกิดในมนุษยโลก สามารถบรรลุอรหัตตผลในมนุษยโลกนั้นได้ หากไม่ได้ จะกลับไปเกิดในเทวโลกแล้วบรรลุอรหัตตผลอย่างแน่นอน


การละสังโยชน์

ประเภท

ตัวอย่างบุคคลผู้บรรลุสกทาคามิผลในพุทธกาล

อ้างอิง


วัฏสงสาร

รูปพรหมภูมิ ๑๖

รูปพรหมภูมิ ๑๖

ปริยัติธรรม

หนังสือ สังสารวัฏ โดย สุรีย์ มีผลกิจ

สถานที่ตั้งของ รูปพรหมภูมิ อยู่สูงจากเทวภูมิชั้นปรนิมมิตวสวัตตีขึ้นไป ๑,๔๓๖,๐๐๐ โยชน์ รูปพรหมทั้งหลายมีสีสันวรรณงดงาม รัศมีแห่งรูปพรหมนั้นรุ่งเรืองกว่าเทวดาในเทวโลก พรหมภูมิมีเพียงเพศบุรุษ ไม่มีสตรี แม้ว่าสตรีจะเจริญฌานสมาบัติได้ ก็บังเกิดได้เพียงชั้นปริสัชชาพรหม มิอาจล่วงขึ้นไปถึงพรหมโลกชั้นสูง กว่านั้นได้ ท้าวมหาพรหมทั้งหลายล้วนมีรูปงาม มีรัศมีรุ่งเรืองดุจแสงแห่งประทีป โอภาสงาม อาการภายในคือ ตับ ไต ไส้พุง หรืออัฏฐิน้อยใหญ่มิได้มีในกายแห่งพรหม คงมีแต่เกสา นขา ทันตาเท่านั้น เพราะฉะนั้นพรหมทั้ง หลายจึงมิสามารถรับกลิ่น รส โผฏฐัพพะเป็นอารมณ์ได้ เพราะไม่มีฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ และกายวิญญาณ พรหมทั้งหลายมีปีติ ๕ เป็นอาหาร พรหมมิได้บริโภคอาหาร เพราะอิ่มอยู่ด้วยปีติสุข วิมานแห่งพรหมทั้งปวงก็ล้วน แล้วไปด้วยแก้วประพาฬ ภายในวิมานไม่มีนางเทพอัปสรฟ้อนรำ เครื่องดนตรีดีดสีตีเป่า เหมือนเทวดาในกามภูมิ วิมานหนึ่งจะมีพระพรหมอยู่เพียงองค์หนึ่ง ในพรหมโลกนั้นมีแต่สิริไสยาสน์กับทิพยภูษา ไม่มีทิพยบริขารอื่นอีก

รูปภูมิ ๑๖

บุคคลที่บังเกิดในรูปภูมิ ๑๖ ด้วยอํานาจรูปาวจรกุศล คือ ผู้ที่เจริญฌานสมาบัติขั้นต่าง ๆ ได้แก่ บุคคลที่เจริญรูปาวจรกุศลจนได้ ปฐมฌาน เมื่อทําลายขันธ์แล้วก็ได้บังเกิดในปฐมฌานภูมิ ๓ ได้แก่

  1. พรหมปาริสัชชา พรหมโลกชั้นที่ ๑ ผู้เจริญรูปาวจรกุศล จนสําเร็จปฐมฌาน อย่างสามัญ พรหมชั้นนี้มีอายุ ๑ ใน ๓ ของมหากัป เป็นพรหมที่คอยรับใช้มหาพรหมา
  2. พรหมปุโรหิตา พรหมโลกชั้นที่ ๒ ผู้เจริญรูปาวจรกุศล จนสําเร็จปฐมฌาน อย่างปานกลาง พรหมชั้นนี้มีอายุ ๑ ใน ๒ มหากัป เป็นพรหมที่ปรึกษากิจการของมหาพรหมา
  3. มหาพรหมา พรหมโลกชั้นที่ ๓ ผู้เจริญรูปาวจรกุศล จนสําเร็จปฐมฌาน อย่างประณีต พรหมชั้นนี้มีอายุ ๑ มหากัป เป็นพรหมที่เป็นใหญ่ เป็นหัวหน้า

ในปฐมฌานภูมิทั้ง ๓ นี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ระดับเดียวกัน เหมือนกับพื้นที่มนุษย์ ตั้งอยู่ในท่ามกลางอากาศ สูงขึ้นไปจากเทวโลกชั้นปรนิมมิตวสวัตตี ประมาณ ๕,๕๐๘,๐๐๐ โยชน์ มีวิมาน สวนดอกไม้ สระโบกขรณีอันล้วน แล้วด้วยรัตนะทั้ง ๗ มีรัศมีสวยงามยิ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ในพรหมชาลสูตรว่า เมื่อกาลที่โลกพินาศ ด้วยเพลิงประลัยกัลป์ น้ำประลัยกัลป์ ลมประลัยกัลป์ ปฐมฌานภูมินี้ย่อมถูกทําลายไปทุกครั้ง และถึงกาลที่โลกเริ่ม ตั้งขึ้นใหม่ปฐมฌานก็ตั้งขึ้นก่อน โดยมีมหาพรหมองค์เดียวเกิดขึ้นก่อน ต่อมาก็พรหมปุโรหิตา และพรหมปาริสัชชา จึงเกิดขึ้นตาม บาลีแสดงถึงมหาพรหมใช้เอกพจน์ ส่วนพรหมปุโรหิตา และพรหมปาริสัชชาใช้พหูพจน์ ท่านจึง สันนิษฐานว่า มหาพรหมภูมิมีองค์เดียว ส่วนปาริสัชชาภูมิ และปุโรหิตาภูมิมีพรหมอาศัยอยู่จํานวนมาก

บุคคลที่เจริญรูปาวจรกุศลจนได้ ทุติยฌาน และ ตติยฌาณ ทําลายขันธ์แล้ว ย่อมได้ไปบังเกิดใน ทุติยฌานภูมิ ๑ ได้แก่

  1. พรหมปริตตาภา พรหมโลกชั้นที่ ๔ ผู้เจริญรูปาวจรกุศล จนสําเร็จทุติยฌาน และตติยฌาน อย่างสามัญ พรหมชั้นนี้มีอายุ ๒ มหากัป เป็นพรหมที่รับใช้อาภัสสราพรหม
  2. พรหมอัปปมาณาภา พรหมโลกชั้นที่ ๕ ผู้เจริญรูปาวจรกุศล จนสําเร็จทุติยฌาน และตติยฌาน อย่างปานกลาง พรหมชั้นนี้มีอายุ ๔ มหากัป เป็นพรหมที่ ปรึกษากิจการงาน ของอาภัสสรพรหม
  3. พรหมอาภัสสรา พรหมโลกชั้นที่ ๖ ผู้เจริญรูปาวจรกุศล จนสําเร็จทุติยฌาน และตติยฌาน อย่างประณีต พรหมชั้นนี้มีอายุ ๘ มหากัป เป็นพรหมที่เป็นใหญ่ เป็นหัวหน้า

ทุติยฌานภูมิ ตั้งอยู่ท่ามกลางอากาศ สูงจากปฐมฌานภูมิประมาณ ๕,๕๐๘,๐๐๐ โยชน์ พื้นที่ของ ทุติยฌานภูมิอยู่ในระดับเดียวกัน ล้วนแล้วด้วยรัตนะทั้ง ๗ พรั่งพร้อมด้วยวิมาน อุทยาน สระโบกขรณี และต้น กัลปพฤกษ์ ทุติยฌานภูมินี้เป็นที่เกิดแห่งผู้ที่ได้ทุติยฌานและตติยฌาน การให้ผลปฏิสนธิในทุติยฌานภูมิด้วยกัน เพราะทุติยฌานกุศลสามารถละวิตกองค์ฌานได้ และตติยฌานกุศลสามารถละวิจารองค์ฌานได้ แต่ฌานทั้งสอง ก็มิอาจก้าวล่วงปีติได้ จึงยังไม่อาจส่งผลให้บังเกิดในตติยฌานภูมิ ฉะนั้น ทุติยฌานวิบาก และตติยฌานวิบาก ทั้งสองนี้ จึงปฏิสนธิได้ในทุติยฌานภูมิด้วยกัน

บุคคลที่ได้เจริญรูปาวจรกุศลได้ จตุตถฌาน ทําลายขันธ์แล้วได้ไปบังเกิดใน ตติยฌานภูมิ ๓ ได้แก่

  1. ปริตตสุภา พรหมโลกชั้นที่ ๗ ผู้เจริญรูปาวจรกุศล จนสําเร็จจตุตถฌาน อย่างสามัญ พรหมชั้นนี้มีอายุ ๑๖ มหากัป เป็นพรหมที่รับใช้สุภกิณหาพรหม
  2. อัปปมาณสุภา พรหมโลกชั้นที่ ๘ ผู้เจริญรูปาวจรกุศล จนสําเร็จจตุตถฌาน อย่างปานกลาง พรหมชั้นนี้มีอายุ ๓๒ มหากัป เป็นพรหมที่ปรึกษากิจการงานของ
  3. สุภกิณหาพรหม สุภกิณหา พรหมโลกชั้นที่ ๙ ผู้เจริญสมถภาวนา จนสําเร็จจตุตถฌาน อย่างประณีต พรหมชั้นนี้มีอายุ ๖๔ มหากัป เป็นพรหมที่เป็นใหญ่ เป็นหัวหน้า

ตติยฌานภูมิ ตั้งอยู่ท่ามกลางอากาศ สูงจากทุติยฌานภูมิประมาณ ๕,๕๐๘,๐๐๐ โยชน์ พื้นที่ของ ตติยฌานภูมิอยู่ในระดับเดียวกัน ล้วนแล้วด้วยรัตนะทั้ง ๗ พรั่งพร้อมด้วยวิมาน อุทยาน สระโบกขรณี และต้น กัลปพฤกษ์ เช่นเดียวกับปฐมฌานภูมิ ทุติยฌานภูมิ


จตุตถฌานภูมิ ๗

บุคคลใดเจริญรูปาวจรกุศลจนได้ ปัญจมฌาน เมื่อทําลายขันธ์แล้วก็ได้ไปบังเกิดใน จตุตถฌานภูมิ คือ เวหปผลาภูมิ และอสัญญสัตตาภูมิ ซึ่งเป็นพรหมที่อยู่ระดับชั้นเดียวกัน

เวหัปผลา พรหมโลกชั้นที่ ๑๐ ภูมิอันเป็นที่บังเกิดของผู้ที่เจริญรูปาวจรกุศล จนสําเร็จ ปัญจมฌาน ซึ่งเป็นผลของกุศลที่เกิดจากอุเบกขาเวทนา เป็นผลที่ประเสริฐ มั่นคง ไม่หวั่นไหว ให้ผลบริบูรณ์ พรหมชั้นนี้มีอายุ ๕๐๐ มหากัปทุกองค์

อสัญญสัตตา พรหมโลกชั้นที่ ๑๑ ภูมิอันเป็นที่บังเกิดของผู้ที่เจริญรูปาวจรกุศล จนสําเร็จ ปัญจมฌานที่ไม่ปรารถนามีนามคือจิต ปรารถนามีแต่รูปอย่างเดียว พรหมชั้น นี้มีอายุ ๕๐๐ มหากัปทุกองค์

 

** อรรถกถาสังคีติสูตร ทสกนิบาต อังคุตตรนิกาย และปฏิสัมภิทามรรค กล่าวไว้ว่า ในครั้งเมื่อ พระพุทธเจ้ายังมิได้อุบัติ พวกฤาษีที่เจริญวาโยกสิณยังจตุตถฌานให้เกิดแล้ว มีความหน่ายจากจิต เห็นว่ากองทุกข์ ทั้งมวลอาศัยจิตที่ถือเอาอารมณ์ต่าง ๆ คือ รูปารมณ์ สัททารมณ์ คันธารมณ์ รสารมณ์ โผฏฐัพพารมณ์ ธัมมารมณ์ จึงเป็นสาเหตุแห่งทุกข์ เมื่อพิจารณาเห็นโทษแห่งจิตดังนี้แล้ว เจริญปัญจมฌาน ตั้งความปรารถนาที่จะไม่มีจิต

ครั้นทําลายขันธ์แล้ว ด้วยอํานาจของปัญจมฌานกุศล ได้ไปบังเกิดในอสัญญีภพ คือภูมิที่ไม่มีจิต ที่เรียกกันว่า พรหมลูกฟัก (เพราะไม่มีจิต) ผู้ใดตั้งมั่นอยู่ในอิริยาบถใดในมนุษยโลก ผู้นั้นก็ได้ไปบังเกิดในอสัญญีภพ ในสภาพที่นั่ง นอน หรือยืนเช่นนั้นตลอดกาล ดํารงอยู่ตลอด ๕๐๐ มหากัป จึงจุติ

เวหัปผลาภูมิ และ อสัญญสัตตาภูมิ ตั้งอยู่ในท่ามกลางอากาศในระดับเดียวกัน ห่างจากตติยฌานภูมิ ๕,๕๐๘,๐๐๐ โยชน์ ล้วนแล้วด้วยรัตนะทั้ง ๗ พรั่งพร้อมด้วยวิมาน อุทยาน สระโบกขรณี และต้นกัลปพฤกษ์


สุทธาวาส ๕


สุทธาวาสภูมิ เป็นภูมิที่อยู่ของผู้บริสุทธิ์จากกามราคะ เป็นต้น ได้แก่ อนาคามีบุคคล และ พระอรหันต์ ทั้งหลายที่ได้ปัญจมฌาน ส่วนบุคคลอื่นนอกนั้นแม้จะได้ปัญจมฌานก็มิอาจบังเกิดในภูมินี้ได้ ท่านกล่าวว่า ภูมิอัน เป็นที่อยู่ของพระอนาคามี และพระอรหันต์ ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์เท่านั้น ภูมินั้นจึงชื่อว่า สุทธาวาสภูมิ

  1. อวิหา พรหมโลกชั้นที่ ๑๒ ภูมิอันเป็นที่อยู่ของผู้ที่เจริญรูปาวจรกุศล ที่ได้ ปัญจมฌาน และเจริญวิปัสสนาจนสําเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล ที่มี สัทธินทรีย์แก่กล้า
  2. อตัปปา พรหมโลกชั้นที่ ๑๓ ภูมิอันเป็นที่อยู่ของผู้ที่เจริญรูปาวจรกุศล ที่ได้ ปัญจมฌาน และเจริญวิปัสสนาจนสําเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล ที่มี วิริยินทรีย์แก่กล้า
  3. สุทัสสา พรหมโลกชั้นที่ ๑๔ ภูมิอันเป็นที่อยู่ของผู้ที่เจริญรูปาวจรกุศล จนได้ ปัญจมฌาน และเจริญวิปัสสนาจนสําเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล ที่มี สตินทรีย์แก่กล้า
  4. สุทัสสี พรหมโลกชั้นที่ ๑๕ ภูมิอันเป็นที่อยู่ของผู้ที่เจริญรูปาวจรกุศล จนได้ ปัญจมฌาน และเจริญวิปัสสนาจนสําเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล ที่มี สมาธินทรีย์แก่กล้า
  5. อกนิฏฐา พรหมโลกชั้นที่ ๑๖ ภูมิอันเป็นที่อยู่ของผู้ที่เจริญรูปาวจรกุศล จนได้ ปัญจมฌาน และเจริญวิปัสสนาจนสําเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล ที่มี ปัญญินทรีย์แก่กล้า

สุทธาวาสภูมิ ๕ ภูมินี้ ตั้งอยู่ท่ามกลางอากาศ แต่ละชั้นก็สูงห่างกัน ๕,๕๐๘,๐๐๐ โยชน์ ตามลําดับ อกนิฏฐาภูมิเป็นภูมิที่สูงสุด อกนิฏฐาพรหม ชื่อว่าเป็นพรหมที่มีคุณธรรมสูงที่สุด

ส่วนพรหมชั้นสุทัสสีพรหม สุทัสสาพรหม อตัปปาพรหม และอวิหาพรหม เมื่อยังไม่บรรลุเป็น พระอรหันต์ สิ้นอายุลงแล้วจะต้องเกิดในสุทธาวาสภูมิเบื้องบนขึ้นไป ย่อมไม่เกิดซ้ำภูมิที่อยู่เดิม หรือเกิดในภูมิที่ ต่ำกว่าเป็นอันขาด จะต้องปรินิพพานในอกนิฏฐาภูมินั้นเอง ท่านกล่าวไว้ว่า ข้อนี้ย่อมแสดงว่า อกนิฏฐาพรหมเจริญ ด้วยศีลคุณ สมาธิคุณ และปัญญาคุณ ยิ่งกว่ารูปพรหมในมิอื่นทั้งปวง

** อรรถกถา วิภังคปกรณ์ กล่าวว่า พรหมชั้นอวิหามีอายุ ๑,๐๐๐ มหากัป พรหมชั้นอตัปปามีอายุ ๒,๐๐๐ มหากัป พรหมชั้นสุทัสสามีอายุ ๔,๐๐๐ มหากัป พรหมชั้นสุทัสสีมีอายุ ๘,๐๐๐ กัป พรหมชั้นอกนิฏฐา มีอายุ ๑๖,๐๐๐ มหากัป บรรดาพระอนาคามีที่อุบัติในสุทธาวาส ๕ ชั้นนี้ รวมทั้งพระอนาคามีที่บังเกิดจาก ปฐมฌานภูมิผ่านพรหมโลกทั้ง ๙ ชั้นแล้ว ดํารงอยู่ในอกนิฏฐาภูมิ พระอนาคามีเหล่านี้จะไม่เวียนกลับลงไปสู่โลกอีก ย่อมปรินิพพานในสุทธาวาสภูมินี้ การปรินิพพานของพระอนาคามีในสุทธาวาสภูมิมี ๕ ประเภท คือ

  1. อันตรปรินิพพายี ปรินิพพานในระหว่างคือบังเกิดในสุทธาวาสชั้นใดชั้นหนึ่งแล้ว อายุยังมิทันถึงกึ่ง หนึ่งก็ปรินิพพานโดยกิเลสนิพพาน
  2. อุปหัจจปรินิพพายี พระอนาคามีผู้จวนจะถึงอายุพ้นกึ่งแล้ว หมายถึงจวนจะสิ้นอายุจึงปรินิพพาน
  3. อสังขารปรินิพพายี พระอนาคามีผู้ปรินิพพานโดยไม่ใช้ความเพียรนัก
  4. สสังขารปรินิพพายี ระอนาคามีผู้ปรินิพพานโดยใช้ความเพียรมาก
  5. อุทธังโสโต อกนิฏฐคามี พระอนาคามีผู้เกิดในสุทธาวาสชั้นใดชั้นหนึ่งแล้ว ได้สําเร็จอนาคามีในชั้นอกนิฏฐา แล้วจึงปรินิพพาน

** อรรถกถา ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ หน้า ๗๑๕ แสดงไว้ว่า เมื่อครั้งที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออก มหาภิเนษกรมณ์ ทรงดําริว่า ผมของเราไม่เหมาะแก่สมณะ จําจักตัดผมเหล่านั้นด้วยพระขรรค์ ทรงจับพระขรรค์ อันคมกริบด้วยพระหัตถ์ขวา รวบพระจุฬาพร้อมด้วยพระเมาลีด้วยพระหัตถ์ซ้าย ทรงอธิษฐานว่า ถ้าเราจักเป็น พระพุทธเจ้าไซร้ ผมนี้จงตั้งอยู่ในอากาศ ถ้าไม่ได้เป็น ก็จงหล่นลงเหนือพื้นดิน ทรงตัดแล้วเหวี่ยงไปในอากาศ กําพระจุฬามณีนั้น ลอยขึ้นไปไกลประมาณโยชน์หนึ่งแล้วตั้งอยู่ในอากาศ ท้าวสักกะทรงนําผอบรัตนะขนาดโยชน์ หนึ่งรับกําพระจุฬามณีนั้น ทรงบรรจุไว้ในจุฬามณีเจดีย์ สําเร็จด้วยรัตนะ ๗ ประการไว้ในภพดาวดึงส์

ต่อจากนั้น เจ้าชายสิทธัตถะทรงดําริอีกว่า ผ้ากาสีที่สวมใส่เหล่านี้มีค่ามาก ไม่ควรแก่สมณเพศ ลําดับนั้น ฆฏิการพรหม ผู้เป็นสหายเก่าแต่ครั้งพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตลอดพุทธันดรหนึ่ง ทรงทราบว่า วันนี้สหายเราออกมหาภิเนษกรมณ์ เราจักนําสมณบริขารไปเพื่อสหายนั้น

สมณบริขาร ๘ คือ ไตรจีวร บาตร มีด เข็ม รัดประคต และผ้ากรองน้ำ

พระโพธิสัตว์ทรงครองผ้าธงชัยแห่งพระอรหันต์ ถือเพศบรรพชาสูงสุด ทรงเหวี่ยงคู่ผ้าฉลองพระองค์ นั้นไปในอากาศ ท้าวมหาพรหมรับผ้าคู่นั้นแล้ว สร้างทุสสะเจดีย์ สําเร็จด้วยรัตนะขนาด ๑๒ โยชน์ บรรจุฉลอง พระองค์นั้นไว้ภายพระเจดีย์ในพรหมโลก


 พิมพ์  

บรรลุนิพพาน

Nirvana Attain (บรรลุนิพพาน) จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามหน้าที่ของเราชาวพุทธบริษัท เพื่อหวังสืบทอดหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์และพระอริยสงฆ์สาวกให้สืบต่อออกไปนานที่สุด โดยเนื้อหาจะประกอบด้วย "ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ" เพื่อให้ครบถ้วนสมบูณ์ในทุกแง่ของพระธรรมคำสอน โดยหวังว่าท่านทั้งหลายจะได้รับรสพระธรรมที่ถูกต้อง เพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป

ค้นหาข้อมูล

© 2021 Nirvana Attain บรรลุนิพพาน

พรหมชั้นสุทธาวาสเป็นชั้นของผู้ได้จตุตถฌาน หรือเฉพาะพระอนาคามี

สมาชิกหมายเลข 975147

1

6 ความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ทำหมู 

สวรรค์ชั้นสุทธาวาส 5 ชั้น แบ่งตามกำลังฌาน
ผู้บรรลุธรรมที่ได้ฌานระดับใด ก็ไปปฏิสนธิในสวรรค์ 5 ชั้นนี้

2
ความคิดเห็นที่ 2
ธัมมนันทะ 
ชั้นสุทธาวาสทั้ง ๕ ชั้น  ... เฉพาะพระอนาคามีของศาสนาพุทธเท่านั้นที่จะไปเกิดได้  แล้วแต่จะได้ฌานขั้นไหน  ..ถ้าพระอนาคามีท่านั้นได้แค่ปฐมฌาน ก็ไปเกิดในสุทธาวาสชั้นต่ำสุด คือ  ชั้นอวิหา .. ถ้าได้ปัญจมฌานขึ้นไปหรือเหนือกว่านั้น ก็จะไปเกิดในสุทธาวาสชั้นสูงสุด คือ อกนิษฏ์

1
ความคิดเห็นที่ 3
bgfc 
เคยได้ยินมาว่า เมื่อพระอนาคามีใกล้จะจุติ(ตาย)   แม้ว่าชีวิตท่านจะไม่เคยได้ฌานใด ๆ มาก่อนเลย   แต่อำนาจของตติยะมรรค หรือ ความเป็นอนาคามี  "ฌาน" จะบังเกิดขึ้นแก่ท่านโดยอัตโนมัติ (จตุตถฌาน) ในระยะก่อนตาย(ที่เรียกว่า มรณาสันนะวิถี) แล้วอำนาจแห่งฌานนั้น จะพาท่านไปบังเกิดใน พรหมชั้นสุธาวาส ที่มี 5 ชั้น   การไปเกิดชั้นไหน ขึ้นอยู่กับการบรรลุเป็นอนาคามีด้วยกำลังแบบใด (หมายถึงเมื่อ อนาคามีมรรคจิต เกิดขึ้นในขณะที่ท่านกำลัง เจริญวิปัสสนากรรมฐาน) มีดังนี้

1. บรรลุเป็นอนาคามี ด้วยกำลังแห่ง ศรัทธา  จะไปบังเกิดเป็นพรหมในชั้น อวิหา
2. บรรลุเป็นอนาคามี ด้วยกำลังแห่ง วริยะ  จะไปบังเกิดเป็นพรหมในชั้น อตัปปา  
3. บรรลุเป็นอนาคามี ด้วยกำลังแห่ง สตินทรีย์ (สติ)  จะไปบังเกิดเป็นพรหมในชั้น สุทัสสา
4. บรรลุเป็นอนาคามี ด้วยกำลังแห่ง สมาธิ  จะไปบังเกิดเป็นพรหมในชั้น สุทัสสี
5. บรรลุเป็นอนาคามี ด้วยกำลังแห่ง ปัญญา  จะไปบังเกิดเป็นพรหมในชั้น อกนิฎฐา

ท่านบรรลุด้วยกำลังใดเป็นหลัก เพียงอย่างหนึ่งอย่างใด  แต่มิได้หมายความว่าท่าน จะไม่มีกำลังอื่นเลย  เช่น ท่านบรรลุด้วยกำลังแห่ง "สมาธิ" เป็นหลัก  ท่านก็มีกำลังอื่น ๆ ด้วยทั้ง ศรัทธา วิริยะ สติ ปัญญา  แต่กำลังแห่ง สมาธิ มากกว่า หรือ หนักกว่ากำลังอื่น

ส่วนปุถุชน ที่บรรลุ จตุตถฌาน แต่มิได้บรรลุเป็นพระอนาคามี ไปเกิดในพรหมในชั้น เวหัปผลา และ อสัญญสัตตา
แก้ไขข้อความเมื่อ 10 มิถุนายน 2561 เวลา 23:49:53 น.

1
ความคิดเห็นที่ 4
ธัมมนันทะ 
...ปุถุชน หรือพระอริยะเจ้าที่ต่ำกว่าระดับพระอนาคามี  ไม่ว่าจะได้ฌานสูงระดับไหนก็ตาม  จะไม่มีสิทธิ์ไปเกิดในชั้นสุทธาวาส ๕ นั่นได้เลย..

0
ความคิดเห็นที่ 5
สมาชิกหมายเลข 3212513 
เป็นที่ของพระอนาคามี

0
Advertisement

ความคิดเห็นที่ 6
สมาชิกหมายเลข 3730065 
พระพุทธเจ้าตรัส ว่า ภพภูมิทั้งหมดในสังสารวัฏ มีอยู่ที่เดียว ที่พระองค์ไม่เคยไปเกิด ที่นั่นคือ
เทวดาเหล่าสุทธาวาส  เมื่อใครไปเกิดที่นั่นจะต้องปรินิพพาน เป็นผู้ไม่ต้องกลับมา
แล้วก็มี ตรัสหลายพระสูตร ที่อธิบายการได้ไปเกิดเป็นเทวดาเหล่าสุทธาวาส มีได้ด้วยเหตุใดบ้าง

แสดงว่า ในที่นั่น เป็นที่รวม อนาคามี

4

Login   เพื่อตอบกระทู้

แสดงความคิดเห็น...

 กระทู้ที่คุณอาจสนใจ

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น