วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2567

 

                   ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 183อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 184อ่านอรรถกถา 25 / 185อ่านอรรถกถา 25 / 440
อรรถกถา ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ เอกนิบาต
ปฐมวรรค มานสูตร

               อรรถกถามานสูตร               
               ใน มานสูตรที่ ๖ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
               บทว่า มานํ ได้แก่ มีใจหยิ่งอาศัยชาติเป็นต้น ด้วยว่าคนมีใจพองนั้น ท่านกล่าวว่า มาโน (ผู้มีความถือตัว) เพราะอรรถว่าเป็นเหตุทำให้สำคัญ โดยนัยเป็นต้นว่า เสยฺโยหมสฺมิ เราเป็นผู้ประเสริฐ หรือสำคัญตนเอง หรือเป็นผู้ยกย่องการนับถือ.
               มานะนี้นั้นมี ๓ อย่าง คือ
                         มานะว่า เราเป็นผู้ประเสริฐกว่า ๑
                         มานะว่า เราเป็นผู้เสมอเขา ๑
                         มานะว่า เราเป็นผู้เลว ๑.
               พึงเห็นมานะมีการหยิ่งเป็นลักษณะอีก ๙ อย่าง คือ
                         มานะว่า เราเป็นผู้ประเสริฐกว่าผู้ประเสริฐ ๑
                                   เสมอกับผู้ประเสริฐ ๑
                                   เลวกว่าผู้ประเสริฐ ๑
                                   ประเสริฐกว่าผู้เสมอ ๑
                                   เสมอกับผู้เสมอ ๑
                                   เลวกว่าผู้เสมอ ๑
                                   ประเสริฐกว่าผู้เลว ๑
                                   เสมอกับผู้เลว ๑
                                   เลวกว่าผู้เลว ๑.
               มีการถือตัวเป็นกิจรส หรือมีการยกย่องเป็นกิจรส มีความเป็นคนพองเป็นอาการปรากฏ หรือมีความยิ่งใหญ่เป็นอาการปรากฏ เป็นดุจคนบ้า มีความโลภปราศจากทิฏฐิเป็นปทัฏฐาน.
               บทว่า ปชหถ มีอธิบายว่า เธอทั้งหลายจงพิจารณาโทษมีประเภทเป็นต้นอย่างนี้ว่า มานะทั้งหมดนั้นมีการยกตนและข่มผู้อื่นเป็นนิมิต เป็นเหตุไม่ทำการกราบไหว้การต้อนรับ อัญชลีกรรมและสามีจิกรรมเป็นต้นในท่านผู้อยู่ในฐานะที่ควรเคารพ เป็นเหตุให้ถึงความประมาทโดยความเมาในชาติและเมาในคนเป็นต้น และอานิสงส์ของความไม่มีมานะอันตรงกันข้ามกับโทษนั้น แล้วเริ่มตั้งจิตอ่อนน้อมในเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ดุจคนจัณฑาลเข้าไปสู่ราชสภาแล้วละมานะนั้นด้วยตทังคปหานในส่วนเบื้องต้น เจริญวิปัสสนา ละด้วยอนาคามิมรรค.
               ในสูตรนี้ ท่านประสงค์มานะอันอนาคามิมรรคพึงฆ่าเท่านั้น.
               บทว่า มตฺตาเส ได้แก่เป็นผู้มัวเมาด้วยมานะมีมัวเมาในชาติและมัวเมาในคนเป็นต้น อันเป็นเหตุให้ถึงความประมาทเป็นต้น ยกย่องตนแล้วมัวเมา.
               บทที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล.
               แต่ใน ๖ สูตร หรือในคาถาทั้งหลายตามลำดับเหล่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้ายังภิกษุทั้งหลายให้ถึงอนาคามิผลแล้วจึงจบเทศนา.
               ในท่านผู้บรรลุอนาคามิผลนั้นได้เป็นพระอนาคามี ๕ ด้วยอำนาจภพที่เกิด คือ อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี อกนิฏฐา.
               บรรดาพระอนาคามี ๕ เหล่านั้น ท่านที่เกิดในชั้นอวิหา ชื่อว่า อวิหา.
               ท่านเหล่านั้นมี ๕ คือ
                         อนฺตราปรินิพฺพายี (ท่านผู้จะปรินิพพานในระหว่างอายุยังไม่ทันถึงกึ่ง) ๑
                         อุปหจฺจปรินิพฺพายี (ท่านผู้จะปรินิพพานต่อเมื่ออายุพ้นกึ่งแล้วจวนถึงที่สุด) ๑
                         อสงฺขารปรินิพฺพายี (ท่านผู้จะปรินิพพานโดยง่าย ไม่ต้องใช้ความเพียรนัก) ๑
                         สสงฺขารปรินิพฺพายี (ท่านผู้จะปรินิพพานด้วยต้องใช้ความเพียรเรี่ยวแรง) ๑
                         อุทฺธํโสโตอกนิฏฺฐคามี (ท่านผู้มีกระแสเบื้องบนไปสู่อกนิฏฐภพ) ๑.
               ท่านที่ชื่ออตัปปา สุทัสสา สุทัสสี ก็เหมือนอย่างนั้น แต่ท่านผู้เป็นอุทธังโสโตอกนิฏฐคามี ย่อมสิ้นสุดในชั้นอกนิฏฐา.
               บรรดาพระอนาคามี ๕ เหล่านั้น ท่านผู้เกิดในชั้นอวิหาเป็นต้นแล้ว ปรินิพพานด้วยการดับกิเลสเพื่อบรรลุพระอรหัต ไม่เกินกึ่งอายุ ชื่อว่า อนฺตราปรินิพฺพายี. ท่านผู้ปรินิพพานพ้นกึ่งอายุ คือ ๕๐๐ กัปเป็นเกณฑ์ เริ่มต้นในชั้นอวิหาเป็นต้น ชื่อว่า อุปหจฺจปรินิพพายี. ท่านผู้ปรินิพพานด้วยการดับกิเลสโดยลำบากน้อยไม่ต้องทำความเพียรนัก ชื่อว่า อสงฺขารปรินิพฺพายี. ท่านผู้ปรินิพพานด้วยความยากลำบากต้องทำความเพียรแรงกล้า ชื่อว่า สสงฺขารปรินิพฺพายี. ส่วนท่านที่ชื่อว่า อุทฺธํโสโต เพราะมีกระแสคือตัณหา และกระแสคือมรรคในเบื้องบน โดยถือเบื้องบนในชั้นอวิหาเป็นต้น ชื่อว่า อกนิฏฺฐคามี เพราะไม่อาจเกิดในชั้นอวิหาเป็นต้น แล้วบรรลุพระอรหัตได้ จึงดำรงอยู่ในชั้นนั้นชั่วอายุแล้ว จึงไปสู่ชั้นอกนิฏฐาด้วยการถือเอาปฏิสนธิ.
               ก็ในสูตรนี้พึงทราบอกนิฏฐคามี ๔ หมวด คือ
                         อุทฺธํโสโต อกนิฏฺฐคามี (ท่านผู้มีกระแสเบื้องบนไปสู่อกนิฏฐภพ) ๑
                         อุทฺธํโสโต นอกนิฏฺฐคามี (ท่านผู้มีกระแสเบื้องบนไม่ไปสู่อกนิฏฐภพ) ๑
                         นอุทฺธํโสโต อกนิฏฺฐคามี (ท่านผู้ไม่มีกระแสเบื้องบนไปสู่อกนิฏฐภพ) ๑
                         น อุทฺธํโสโต น อกนิฏฺฐคามี (ผู้ไม่มีทั้งกระแสเบื้องบน ทั้งไม่ไปสู่อกนิฏฐภพ) ๑.
               ถามว่า อย่างไร.
               ตอบว่า ผู้ที่ชำระเทวโลก ๔ ตั้งแต่ชั้นอวิหาแล้วไปสู่ชั้นอกนิฏฐาจึงปรินิพพาน ชื่อ อุทฺธํโสโต อกนิฏฺฐคามี. ท่านผู้ชำระเทวโลก ๓ แล้วดำรงอยู่ในเทวโลกชั้นสุทัสสี จึงปรินิพพาน ชื่อว่า อุทธํโสโตนอกนิฏฺฐคามี. ท่านผู้ไปสู่อกนิฏฐภพต่อจากนี้นั่นแลชื่อว่า นอุทฺธํโสโต อกนิฏฺฐคามี. ส่วนผู้ที่ดำรงอยู่ในเทวโลก ๔ ชั้นต่ำแล้วปรินิพพานที่ชั้นนั้นๆ ชื่อว่า น อุทฺธํโสโต นอกนิฏฺฐคามี.
               บรรดาพระอนาคามีเหล่านั้น พระอนาคามี ๓ จำพวก คือ
                         ท่านผู้เกิดในชั้นอวิหาแล้วปรินิพพานต่ำกว่า ๑๐๐ กัป ๑.
                         ท่านผู้ปรินิพพานในที่สุด ๒๐๐ กัป ๑.
                         ท่านผู้ปรินิพพานในเมื่อยังไม่ถึง ๕๐๐ กัป ๑.
               ชื่อว่าอันตราปรินิพพายี.
               สมดังที่ท่านกล่าวว่า อุปฺปนฺนํ วา สมนนฺตรา อปฺปตฺตํ วา เวมชฺฌํ เกิดขึ้นแล้วในระหว่างหรือว่ายังไม่บรรลุในท่ามกลาง ดังนี้.
               จริงอยู่ ท่านสงเคราะห์แม้มรรคที่บรรลุแล้วด้วย วา ศัพท์.
               พระอนาคามีผู้เป็นอันตราปรินิพพายี ๓ จำพวกอย่างนี้เป็นอุปหัจจปรินิพพายี พวก ๑ เป็นอุทธังโสโต พวก ๑. ในท่านเหล่านั้น ท่านที่เป็นอสังขารปรินิพพายี ๕ เป็นสสังขารปรินิพพายี ๕ รวมเป็น ๑๐.
               อนึ่ง สุทธาวาส ๔ คือ ในชั้นอตัปปา สุทัสสา สุทัสสี มีอย่างละ ๑๐ หมวดรวมเป็น ๔๐. เพราะไม่มีกระแสในเบื้องบนในชั้นอกนิฏฐา จึงเป็นอันตราปรินิพพายี ๓ เป็นอุปหัจจปรินิพพายี ๑ เป็นอสังขารปรินิพพายี ๔ เป็นสสังขารปรินิพพายี ๔ รวมเป็น ๘ จึงเป็นพระอนาคามี ๔๘ เหล่านี้ด้วยประการฉะนี้.
               พึงเห็นว่าในพระสูตรนี้ ท่านถือเอาพระอนาคามีทั้งหมดเหล่านั้น ด้วยคำอันไม่ต่างกัน.

               จบอรรถกถามานสูตรที่ ๖               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ เอกนิบาต ปฐมวรรค มานสูตร จบ.
อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 183อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 184อ่านอรรถกถา 25 / 185อ่านอรรถกถา 25 / 440
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=4479&Z=4493
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=27&A=1230
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=27&A=1230
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๑๘  กุมภาพันธ์  พ.ศ.  ๒๕๔๙
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ DhammaPerfect@yahoo.com

สีพื้นหลัง : 




 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น