วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2567

 

                   ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 19 / 1อ่านอรรถกถา 19 / 1454อรรถกถา เล่มที่ 19 ข้อ 1469อ่านอรรถกถา 19 / 1473อ่านอรรถกถา 19 / 1786
อรรถกถา สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค โสตาปัตติสังยุตต์ เวฬุทวารวรรคที่ ๑
๘. คิญชกาวสถสูตรที่ ๑

               อรรถกถาปฐมคิญชกาวสถสูตรที่ ๘               
               พึงทราบอธิบายในปฐมคิญชกาวสถสูตรที่ ๘.
               บทว่า ญาติเก ความว่า หมู่บ้าน ๒ ตำบลของบุตรของจุลลปีติและมหาปิติทั้งสองมีอยู่เพราะอาศัยบึงหนึ่ง.
               บทว่า คามเก ได้แก่ ในบ้านหนึ่ง.
               บทว่า ที่พักซึ่งก่อด้วยอิฐ ความว่า ที่อยู่ทำด้วยอิฐ.
               บทว่า ส่วนเบื้องต่ำ ได้แก่ ส่วนเบื้องต่ำที่ให้ถือปฏิสนธิในกามภพนั่นเอง.
               อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่าส่วนเบื้องต่ำ เพราะอรรถว่าพึงละได้ด้วยมรรค ๓ ที่ได้ชื่อว่า อุระ ดังนี้. บรรดาสังโยชน์เหล่านั้น สังโยชน์สองเหล่านี้คือ กามฉันทะ พยาบาท ไม่ข่มแล้วด้วยสมาบัติหรือไม่ถอนขึ้นแล้วด้วยมรรค หรือว่าไม่ให้เพื่อจะถึงรูปภพที่เป็นส่วนเบื้องบน ด้วยอำนาจแห่งการเกิด. สังโยชน์ ๓ มีสักกายทิฏฐิเป็นต้นนำสัตว์ที่เกิดแล้วในรูปภพนั้นมาให้เกิดแม้ในที่นี้อีก เพราะเหตุนั้น สังโยชน์แม้ทั้งหมด จึงชื่อว่าเป็นส่วนเบื้องต่ำ.
               บทว่า มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา ความว่า มีการไม่มาเป็นสภาพด้วยอำนาจปฏิสนธิ.
               บทว่า เพราะราคะโทสะและโมหะเบาบาง ความว่า พึงทราบความที่ราคะโทสะและโมหะเบาบาง โดยสองอย่างคือ ด้วยการเกิดขึ้นในโลกนี้คราวเดียว ๑ ด้วยการที่ปริยุฏฐานกิเลสเบาบาง ๑.
               ก็ราคะเป็นต้นย่อมไม่เกิดขึ้นเนืองๆ แก่พระสกทาคามี เหมือนแก่พวกปุถุชนบางครั้งบางคราวก็เกิดขึ้น เมื่อจะเกิดขึ้นก็ไม่เกิดขึ้นมากเหมือนพวกปุถุชน เกิดขึ้นเบาบางเหมือนปีกแมลงวัน.๑-
____________________________
๑- ปาฐะเป็น มจฺฉิกปตฺตา พม่าเป็น มกฺขิกปตฺตํ แปลตามพม่า.

               ก็พระทีฆภาณกเตปิฎกมหาสิวเถระ กล่าวแล้วว่า พระสกทาคามีย่อมมีบุตรและธิดา (และ) หมู่สนม เพราะเหตุนั้น กิเลสทั้งหลายจึงมีมาก แต่ว่า คำนี้ท่านกล่าวแล้วด้วยอำนาจภพ. ก็คำนั้นเป็นอันถูกคัดค้านแล้ว เพราะท่านกล่าวไว้ในอรรถกถาว่า เว้น ๗ ภพ ในภพที่ ๘ พระโสดาบันย่อมไม่มีสังโยชน์ที่เบาบางในภพ. เว้น ๒ ภพ ใน ๕ ภพ พระสกทาคามีย่อมไม่มีสังโยชน์ที่เบาบางในภพ. เว้นรูปภพ อรูปภพ ในกามภพ พระอนาคามีย่อมไม่มีสังโยชน์ที่เบาบางในภพ. ในภพไรๆ พระขีณาสพย่อมไม่มีสังโยชน์ที่เบาบางในภพ.
               คำว่า โลก นี้ ท่านกล่าว หมายเอากามาวจรโลกนี้.
               ก็ในคำนี้ มีอธิบายดังต่อไปนี้ว่า
               ก็ถ้าว่า ภิกษุชื่อว่าสาฬหะ บรรลุสกทาคามิผลในมนุษยโลกแล้วเกิดในเทวโลก ทำให้แจ้งพระอรหัต นั่นเป็นการดีแล. แต่ว่า เมื่อไม่อาจมามนุษยโลกแล้ว ก็จะทำให้แจ้งพระอรหัตแน่แท้. แม้บรรลุพระสกทาคามิผลในเทวโลกแล้ว ถ้ามาเกิดในมนุษยโลกก็จะทำพระอรหัตให้แจ้ง นั่นเป็นการดีแล. แต่ว่า เมื่อไม่สามารถ ครั้นไปเทวโลกแล้วก็จะทำให้แจ้งแน่แท้.
               ความตกต่ำ ชื่อว่าวินิบาต ความตกต่ำเป็นธรรมของพระโสดาบันหามิได้ เหตุนั้น ชื่อว่ามีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา. อธิบายว่า มีความไม่ตกต่ำเป็นสภาวะในอบายทั้ง ๔.
               บทว่า เที่ยง ได้แก่ เที่ยงโดยทำนองแห่งธรรม.
               บทว่า มีการตรัสรู้ในเบื้องหน้า ความว่า การตรัสรู้กล่าวคือมรรค ๓ เบื้องสูงเป็นที่ไปในเบื้องหน้า เป็นคติ เป็นที่พึ่งอันเขาพึงบรรลุแน่แท้ เหตุนั้น ชื่อว่าผู้มีการตรัสรู้พร้อมเป็นไปในเบื้องหน้า.
               บทว่า ข้อนี้เป็นความลำบาก ความว่า อานนท์ ความลำบากกายนั่นเทียว ย่อมปรากฏแม้แก่ตถาคตผู้ตรวจดู คติ การอุบัติและญาณเป็นเครื่องตรัสรู้ในเบื้องหน้าของคนเหล่านั้นๆ ด้วยพระญาณ แต่ว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่มีความลำบากทางจิต.
               บทว่า ธมฺมาทาสํ ได้แก่ แว่นที่สำเร็จด้วยธรรม.
               บทว่า เยน ความว่า ประกอบแล้วด้วยแว่นที่สำเร็จด้วยธรรมใด.
               คำว่า มีอบายทุคติและวินิบาตสิ้นแล้ว นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วด้วยคำที่เป็นไวพจน์ของนรกเป็นต้นนั่นเอง.
               ก็นรกเป็นต้น ชื่อว่าอบาย เพราะไปปราศจากความก้าวหน้ากล่าวคือความเจริญ. คติ คือที่แล่นไปของทุกข์ เหตุนั้น ชื่อว่าทุคติ. ผู้ที่มีปกติทำชั่ว ไร้อำนาจตกไปในนรกเป็นต้นนั้น เหตุนั้น นรกเป็นต้นนั้นจึงชื่อว่าวินิบาต.

               จบอรรถกถาปฐมคิญชกาวสถสูตรที่ ๘               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค โสตาปัตติสังยุตต์ เวฬุทวารวรรคที่ ๑ ๘. คิญชกาวสถสูตรที่ ๑ จบ.
อ่านอรรถกถา 19 / 1อ่านอรรถกถา 19 / 1454อรรถกถา เล่มที่ 19 ข้อ 1469อ่านอรรถกถา 19 / 1473อ่านอรรถกถา 19 / 1786
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=19&A=8541&Z=8569
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=13&A=7875
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=13&A=7875
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๑๕  ธันวาคม  พ.ศ.  ๒๕๔๙
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ DhammaPerfect@yahoo.com

สีพื้นหลัง : 




 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น